การเกิดฟ้าผ่า
" ฟ้าผ่า " เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทางธรรมชาติ โดยเริ่มจากการก่อตัวของเมฆ ฟ้าผ่า
(Cumuionimbus Cloud) ที่มีทั้งประจุบวกเเละลบในก้อนเมฆเมื่อมีการสะสมของประจุเพิ่มมากขึ้น
ก็จะทำให้ศักดาไฟฟ้าระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดินมีการพัฒนาเพิ่มสูงขึ้นจนถึงจุดสูงสุดที่ทำให้เกิดการ
ถ่ายเทประจุไฟฟ้าปริมาณมหาศาลระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดินที่เรียกว่า " ฟ้าผ่า "
อุปกรณ์ป้องกันไฟกระโชก (Surge Arrester)
การป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าโดยการติดตั้งระบบเสาล่อฟ้าเเละสายดินจะสามารถป้องกัน
ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากความต้านทานดินที่เกิดขึ้นตอนปักเเท่งกราวด์ลงในดินอาจจะระบาย
ศักย์ไฟฟ้าปริมาณมหาศาลไม่ทันทำให้มีเเรงดันส่วนหนึ่งไหลย้อนเข้าไปในระบบเเละทำความเสียหาย
กับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้
ดังนั้นเพื่อการป้องกันจึงควรติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟกระโชก (Surge Arrester) เพิ่มเข้าไป
ในระบบเพื่อป้องกันไฟกระโชกจากฟ้าผ่าเเละจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ไฟกระโชกจากการปลดสับ
Capacitor Bank, เกิดความผิดปกติของระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้า, สัญญาณรบกวนทางไฟฟ้า,
การเปิด-ปิดสวิทช์อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีมอเตอร์ใช้พลังงานไฟฟ้ามาก เป็นต้น
อุปกรณ์ชนิดนี้ได้รับการออกเเบบให้สามารถเหนี่ยวนำเรงดันไฟฟ้าที่สูงขึ้นในช่วงเวลาอันสั้นออก
จากอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยสร้างเเนวที่มีความต้านทานต่ำเชื่อมต่อไปสู่ตำเเหน่งของสายดินเพื่อให้เเรงดันที่สูง
ขึ้นชั่วขณะไหลตามเเนวความต้านทานต่ำนั้นไปยังสายดิน โดยเราสามารถเเบ่งระดับการป้องกันความเสีย
หายจากฟ้าผ่าออกเป็น 5 Class ดังนี้
1. การป้องกัน Class A
เป็นการป้องกันในส่วนที่อยู่ภายนอกอาคารเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดจากฟ้าผ่าลงสายไฟฟ้า
โดยตรงซึ่งโดยปกติเเล้วกาไฟฟ้าฯ หรือผู้จำหน่ายไฟฟ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบในการติดตั้ง Surge Arrester
Lighting Arrester เพื่อไม่ให้เกิดเเรงดันไฟฟ้ากระโชกเข้าไปใน Line ของผู้ใช้ไฟฟ้า
2. การป้องกัน Class B
มักจะติดตั้งไว้ในตู้ Main Distribution Board (MDB) ภายในอาคารเพื่อป้องกันเเรงดันไฟฟ้า
กระโชกที่เข้ามาใน Main Line ที่เกิดจากฟ้าผ่าโดยตรงหรือฟ้าผ่าลงที่เสาส่งซึ่ง Surge Arrester
Class A ไม่สามารถระบายออก (discharge) ได้หมด
3. การป้องกัน Class B+C
มักจะติดตั้งไว้ในตู้ Sub Main Distribution Board (SDB) ภายในอาคารจะเป็นส่วน
Downstrean จาก Class B เพื่อป้องกันความเสียหายจากเเรงดันไฟฟ้ากระโชกให้กับระบบรวมทั้งอุปกรณ์
ภายในอาคารด้วย
4. การป้องกัน Class C
มักจะติดตั้งไว้ในตู้ Sub Main Distribution Board (SDB) ภายในอาคารเพื่อป้องกันเเรงดัน
ไฟฟ้ากระโชกที่เข้ามาใน Main Line ซึ่งเป็นการครอบคลุมการป้องกันทั้ง Class B+C เหมาะกับระบบที่ไม่
ทราบถึงความเเรงของคลื่นฟ้าผ่าที่จะเกิดขึ้นอย่างเเน่นอนเเละเหมาะสำหรับป้องกันความเสียหายอุปกรณ์
ภายในอาคารด้วย
5. การป้องกัน Class D
มักจะติดตั้งไว้ในตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าย่อยเป็นการป้องกันเเรงดันไฟฟ้ากระโชกที่เข้ามาใน Main-
Line ที่ Class C ไม่สามารถระบายออก (disccharge) ได้หมดเหมาะสำหรับป้องกันความเสียหายให้
อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ค่อนข้าง sensitive เช่น โฮมเธียเตอร์ เครื่องเสียงโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งเป็น
จุดสุดท้ายของการป้องกันที่สามารถป้องกันความเสียหายจากเเรงดันไฟฟ้าเกิน (overvoltage) ที่เกิด
จากฟ้าผ่าได้อย่างสมบูรณ์